3 ประเภทภาวะหยุดหายใจขณะหลับ สาเหตุ และอันตรายของมัน
ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ หรือ Sleep apnea เป็นปัญหาต่อสุขภาพที่เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ และยังเกิดได้กับทุกคนทั้งผู้หญิงผู้ชาย เด็ก รวมทั้งผู้หญิงที่อยู่ในภาวะตั้งครรภ์ อาการหยุดหายใจขณะหลับ สาเหตุ และอันตรายจากภาวะแทรกซ้อนมีอะไรบ้าง บทความนี้มีความรู้มาแนะนำครับ
ประเภทของภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep apnea) เป็นโรคที่พบได้บ่อยทั้งในผู้หญิงและในผู้ชาย แต่ส่วนใหญ่จะพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง และเกิดขึ้นได้กับบุคคลหลายช่วงวัย รวมถึงภาวะหยุดหายใจขณะหลับของหญิงตั้งครรภ์ และภาวะหยุดหายใจขณะหลับของเด็ก ซึ่งแต่ละภาวะมีสาเหตุและลักษณะอาการที่แตกต่างกัน ดังนี้
1. ภาวะหยุดหายใจขณะหลับในคนทั่วไป
โรคนอนหลับแล้วหยุดหายใจที่พบในบุคคลทั่วไป สามารถพบได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย โดยพบมากในเพศชายประมาณ 24% และในเพศหญิงประมาณ 9%
อาการหยุดหายใจขณะหลับเป็นโรคที่พบได้สูงเมื่อมีอายุเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะตั้งแต่อายุ 65 ปีขึ้นไปทั้งเพศชาย และเพศหญิง เนื่องจากการเสื่อมของเซลล์ต่างๆ ภายในร่างกาย รวมทั้งเซลล์สมองและของทางเดินหายใจ จึงส่งผลให้ทางเดินหายใจตีบแคบลงเมื่อนอนหลับ
สำหรับสาเหตุของโรคหยุดหายใจขณะนอนหลับที่พบในผู้ชายได้มากกว่าผู้หญิง อาจเป็นเพราะช่วงลำคอของผู้ชายมีลักษณะที่หนาและสั้นกว่าผู้หญิง เมื่อผนังบริเวณลำคอเกิดการหย่อนยาน ทำให้ช่องลำคอตีบแคบจึงอุดกั้นทางเดินหายใจได้มากกว่าผู้หญิง
2. ภาวะหยุดหายใจขณะหลับในเด็ก
นอกจากภาวะหยุดหายใจขณะหลับจะเกิดขึ้นกับผู้ใหญ่ โดยเฉพาะผู้ที่อายุ 65 ปีขึ้นไป อาการเหล่านี้ยังเกิดขึ้นได้กับเด็ก และยังเป็นภาวะหยุดหายใจขณะหลับที่ยากต่อการตรวจวินิจฉัย โดยทั่วไปอาการที่เกิดกับเด็กจะส่งผลทำให้เกิดอาการอื่นๆ เช่น
- มีพฤติกรรมและลักษณะซุกซน ไม่อยู่นิ่ง (Hyperactivity) ควบคุมยาก ไม่รับฟังคำสั่ง ตัดสินใจเร็ว
- ผลการเรียนในโรงเรียนไม่ดี (Poor school performance) รับรู้ได้ช้า
- เป็นเด็กที่ปัสสาวะรดที่นอน (Bed wetting) บ่อยๆ
- มีอาการละเมอหรือฝันร้าย และมีอาการผวา (Night terror) ช่วงเวลานอนหลับ
- เป็นเด็กที่มักมีเหงื่อออกมากในตอนกลางคืนหรือระหว่างนอนหลับ
- เด็กที่มีภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ มักจะมีพฤติกรรมหายใจผ่านทางปากแทนจมูกในช่วงระหว่างวัน
3. ภาวะหยุดหายใจขณะหลับในหญิงตั้งครรภ์
หญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะความดันโลหิตสูง หรือเป็นโรคเรื้อรังอย่างเบาหวาน มีแนวโน้มที่จะเกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับได้
สาเหตุอาจเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางสรีระ เช่น ท้องโตขึ้น การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย การสูบฉีดเลือด ระบบไหลเวียนของเลือด
ซึ่งการสูบฉีดและการไหลเวียนของเลือดที่มากขึ้น จะไปกระตุ้นเส้นเลือดในโพรงจมูก อาจทำให้เส้นเลือดฝอยในโพรงจมูกแตก และบวม ส่งผลให้เวลานอนจะรู้สึกหายใจไม่สะดวก และเกิดเสียงกรน ทำให้นอนหลับไม่สนิทแม้นอนพักผ่อนมากแต่ประสิทธิภาพการนอนลดลง ทำให้ง่วงนอนตลอดเวลา
จะทราบได้อย่างไรว่าคุณแม่ตั้งครรภ์มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ?
สำหรับปัญหาสุขภาพของคุณแม่ตั้งครภ์ ที่มีอาการหยุดหายใจขณะหลับ จะสังเกตได้จากการนอน หากมีอาการนอนกรน อาจมีอาการหยุดหายใจหรือหายใจแผ่ว ทรวงอกหรือช่องท้องจะหยุดเคลื่อนไหวไปประมาณ 5-10 วินาทีต่อครั้ง และเป็นต่อเนื่องตลอดการนอนหลับ ถือว่าอยู่ในขั้นอันตรายควรรีบพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและหาแนวทางการรักษาอย่างถูกต้อง
อันตรายต่อสุขภาพแม่และลูกจากภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
หากคุณแม่ที่อยู่ระหว่างตั้งครรภ์พบความผิดปกติ เช่น มีอาการนอนกรนหรือกรนมากขึ้น หายใจผิดจังหวะ นอนสะดุ้งตื่นบ่อยๆ กลางวันง่วงนอนมาก ง่วงนอนตลอดเวลาโดยหาสาเหตุไม่ได้ หลับโดยไม่รู้ตัวได้เสมอ ควรไปตรวจภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ เพราะเมื่อร่างกายขาดออกซิเจนบ่อยๆ จะส่งผลต่อการเต้นของหัวใจ ระบบปอด ทำให้เกิดความดันสูง และเสี่ยงต่อการเกิดครรภ์เป็นพิษ
การดูแลและป้องกันตนเองจากภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
การป้องกันตนเองจากภาวะหยุดหายใจขณะหลับทำได้หลายวิธี สิ่งแรกคือต้องหมั่นดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดความกังวลใจ ความเครียด ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้นอนไม่หลับ ควบคุมน้ำหนักไม่ให้อ้วนเกินไป ป้องกันอาการนอนกรนหากมีอาการที่รุนแรง (อ่านเพิ่มเติม: อาการนอนกรนเกิดจากอะไร?) เนื่องจากเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
และที่สำคัญเมื่อทราบว่าเป็นโรคนี้แล้วควรต้องระมัดระวังป้องกันไม่ให้เกิดโรคเรื้อรังต่างๆที่เป็นผลข้างเคียงแทรกซ้อน การลดอาหารที่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง อย่างเช่น อาหารหวานจัด เค็มจัด และไขมันต่างๆ เป็นต้น
สรุป
อาการนอนกรน แม้จะเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่อาการนอนกรนที่มีความรุนแรงก็เป็นปัญหาต่อสุขภาพได้ หากพบความผิดปกติหรือมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับต้องพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพ และขอคำแนะนำในการดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีต่อไป