การเลือกกิน ช่วยแก้ปัญหานอนไม่หลับได้จริงหรือ?
ปัญหาการ นอนไม่หลับ สามารถแก้ได้ด้วยการเลือกกิน เพราะเรื่องกินคือเรื่องใหญ่ที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ยิ่งคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพก็ยิ่งต้องใส่ใจเป็นพิเศษ
แต่สำหรับคนที่มีปัญหาในเรื่องของการนอนไม่หลับอาจจะยังไม่ทราบกันดีนักว่า ถ้าหากเราปรับพฤติกรรมการทานอาหาร เลือกทานของที่เป็นประโยชน์ควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย ก็จะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาการนอนไม่หลับให้ดีขึ้นได้ แล้วอาหารที่ว่ามีอะไรบ้างนั้น ลองอ่านต่อกันเลยครับ
อาหารที่ช่วยแก้อาการนอนไม่หลับ ที่แนะนำมีดังนี้
- ข้าว
- ปลาแซลมอน
- ใบขี้เหล็ก
- ซุปร้อนๆ
- นมร้อน
- ผลไม้สด
1. ข้าว
ในอาหารประเภทข้าวมีสารที่ชื่อว่ากาบา (GABA) ซึ่งมีส่วนช่วยลดความตึงเครียด ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย นอนหลับได้ดี ช่วยรักษาสมดุลและชะลอความเครียดของสมอง
2. ปลาแซลมอน
ปลาแซลมอน อุดมไปด้วยไขมันโอเมก้า 3, โปรตีน, วิตามินบี และ วิตามินดี เป็นสารอาหารที่ร่างกายจำเป็นต้องใช้ในการสร้างฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับอย่างเมลาโทนิน (Melatonin) และเซโรโทนิน (Serotonin)
3. ใบขี้เหล็ก
สมุนไพรพื้นบ้านของไทยอย่างใบขี้เหล็กก็ช่วยปัญหาการนอนไม่หลับได้ เนื่องจากใบขี้เหล็กมีสารที่ชื่อว่าบาราคอล (Baracol) ช่วยคลายเครียด บรรเทาอาการฟุ้งซ่านและช่วยให้นอนหลับสบายมากยิ่งขึ้น
4. ซุปร้อนๆ
ซุปร้อนๆ สักถ้วย จะช่วยให้รู้สึกอุ่นท้อง ทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย สงบ และช่วยปรับอุณหภูมิของร่างกายให้เตรียมพร้อมและเหมาะสมแก่การนอนหลับ
5. นมร้อน
การดื่มนมอุ่นๆ สักแก้วก่อนนอนจะช่วยทำให้คุณรู้สึกง่วงและนอนหลับง่ายขึ้นเช่นกัน เพราะมีสารทริปโตเฟน (Tryptophan) ที่สมองสามารถนำไปใช้ร่วมกับแมกนีเซียมในการสร้างสารเซโรโทนิน (Serotonin) ซึ่งเป็นสารที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับและทำให้เกิดอาการง่วงนอน
6. ผลไม้สด
ทานผลไม้สดซักเล็กน้อยก่อนเข้านอนจะช่วยให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น สบายตัว ลดความเมื่อยล้า อีกทั้งยังช่วยคลายความเครียดและความวิตกกังวลต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญเลยทานได้อย่างไม่ต้องกลัวอ้วน
สรุป
ร่างกายคนเราต้องการนํ้าตาลในปริมาณ 6 ช้อนชาต่อวัน ดังนั้นเราไม่ควรบริโภคน้ำตาลมากเกินไป เนื่องจากการบริโภคนํ้าตาลจำนวนมากจะเป็นการเพิ่มอัตราความเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการนอนกรน นอนไม่หลับ และอาจก่อให้เกิดโรคอื่นๆ ตามมาภายหลังอีกด้วย
สุดท้ายแล้วการเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์อย่างหลากหลายนั้นล้วนส่งผลดีต่อระบบต่างๆ ภายในร่างกายของเรา แต่สิ่งที่ต้องคำนึงถึงด้วยก็คือการแยกประเภทอาหารที่ควรทานเป็นประจำกับอาหารที่ทานได้บ้างเป็นครั้งคราว และควรเลือกทานในปริมาณที่เหมาะสมตามหลักโภชนาการเพื่อความสมดุลของสารอาหารที่ควรได้รับในแต่ละวันด้วยนั่นเอง